Week8


แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการ (Problem  Based  Learning) ( PBL.
หน่วย : “ พิพิธภัณฑ์ของเล่น”
ระดับชั้นอนุบาลภาคเรียนที่ 2  (Quarter 4 )  ปีการศึกษา  2558
เป้าหมายรายสัปดาห์  นักเรียนสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ /มีลักษณะนิสัยที่ดีมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บรักษา ดูแลของเล่นของใช้ ได้เหมาะสมตามวัย
Week
Input
Process
Output
Outcome
8

29 ก.พ.
-
 4  มี.ค.
59



โจทย์ :
- การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค
เครื่องมือคิด
Key  Questions
-การละเล่นพื้นบ้านแต่ละภาคมีอะไรบ้างและมีความแตกต่างกันอย่างไร?
- ถ้าไม่มีอุปกรณ์ หรือของเล่นจะออกแบบการเล่นได้อย่างไร
?
Brainstorms :
-สนทนาเกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้านของภาคกลาง 
สนทนาเกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้านของภาคใต้
-ระดมความคิดเกี่ยวกับการละเล่นที่ไม่ใช้อุปกรณ์
-สนทนาทบทวนกิจกรรมที่ผ่านมาทั้งสัปดาห์  และความเหมือน/ความแตกต่างกันของการละเล่นทั้ง 4 ภาค
Blackboard  Share :
-ระดมความคิดเกี่ยวกับการละเล่นที่ไม่ใช้อุปกรณ์
-สนทนาระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของการละเล่นทั้ง ภาค
Show and Share :
 -นำเสนอชิ้นงาน
Wall  Thinking :
 - ติดชิ้นงาน
ผู้ร่วมสร้างการเรียนรู้
- ครู
- นักเรียน
-ผู้ปกครอง
สื่อและแหล่งเรียนรู้
- บรรยากาศภายในชั้นเรียน
- บริเวณสนามกลางแจ้ง
- วงล้อไม้ไผ่ /ล้อรถ
- เชือก
-เล่นขว้างราว (ขวดยาคูล /ก้อนหิน และไม้ไผ่เป็นแผ่นขนาดกว้าง 2 นิ้ว ยาว 30 ซ.ม.)



วัน จันทร์ (1ชั่วโมง)
ชง :
-ครูนำวงล้อไม้ไผ่และล้อรถมาให้นักเรียนสังเกตดู   
 เชื่อม :
 - ครูและนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้านของภาคกลาง “การเล่นเล่นตีวงล้อ
” ครูตั้งคำถามกระตุ้นการคิด  ดังนี้
 “วงล้อที่ทำจากไม้กับวงล้อที่เป็นล้อรถมีความแตกต่างกันอย่างไร?”
“ นักเรียนจะออก  แบบ วิธีการเล่นวงล้อไม้และวงล้อรถได้อย่างไร?
 “ระหว่างวงล้อไม้ไผ่กับวงล้อรถ อะไรจะกลิ้งได้เร็วกว่ากัน”
- ครูสาธิตการเล่นตีวงล้อ  ดังนี้
   1. ครูแบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม
    2. กลุ่มที่ 1 ใช้ไม้ตีวงล้อไม้ และกลุ่ม 2 ใช้ไม้ตีวงล้อรถ ให้ถึงเป้าหมายแล้ววนกลับมาส่งต่อให้เพื่อนตนต่อไปจนครบทุกคนในกลุ่ม
 3. แข่งกันอีกรอบแต่สลับอุปกรณ์ที่ใช้
ใช้  :
-นักเรียนเล่น “ตีลูกล้อ”
วันอังคาร (1ชั่วโมง)
ชง
-ครูและนักเรียน ท่องคำคล้องจอง “การละเล่นไทย”
เชื่อม:
ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับคำคล้องจองการละเล่นไทย”  โดยครูตั้งคำถามกระตุ้นการคิด  “ ในคำคล้องจองมีการละเล่นอะไรบ้าง ?
ชง :
-ครูนำอุปกรณ์เชือกมาให้นักเรียนสังเกตดู
ครูตั้งคำถามกระตุ้นการคิด “เชือกนำไปทำอะไรได้บ้าง?”
เชื่อม :
-ครูและนักเรียนสนทนาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการละเล่น “ตีจั้บ”
-ครูสาธิตวิธีการเล่นให้นักเรียนเข้าใจ ดังนี้
  1.ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายละเท่าๆกัน
  2. ครูใช้เชือกวางแบ่งเขตตรงกลาง
  3. ครูสร้างข้อตกลงกันว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายรุกไปก่อน
       3.1 คนหนึ่งที่เป็นฝ่ายรุกจะเริ่มข้ามเขต พอเข้าเขตฝ่ายตรงข้ามก็ต้องร้อง"ตี่"ไม่ให้ขาดเสียง และวิ่งเอามือแตะตัวคนใดคนหนึ่งในฝ่ายรับ แต่จะหยุดหายใจไม่ได้ในขณะร้อง "ตี่" นั้น
        3.2 ฝ่ายรับก็จะพยายามจับคนที่ร้อง "ตี่" ไว้ ถ้าคนร้อง "ตี่" เห็นว่าจะสู้ไม่ได้หรือจะต้องถอนหายใจ ต้องรีบถอยมาให้พ้นเส้นแบ่งเขต ถ้าถอยไม่ทันผู้ร้อง"ตี่" หยุดถอนหายใจก็จะต้องถูกจับตัวไว้เป็นเชลย แต่ถ้าคนที่ร้อง "ตี่" แตะตัวฝ่ายรับได้คนที่ถูกแตะก็เป็นเชลยฝ่ายนี้ ฝ่ายที่ได้เชลยก็จะส่งคนร้อง"ตี่"ไปแตะคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามอีก ถ้ายังจับไม่ได้ก็ผลัดกันรุกคนละครั้ง จนกว่าจะกวาดเชลยได้หมดก็ขึ้นตาใหม่
ใช้ :
ครูและนักเรียนเล่นตี่จั้บ
วันพุธ ( ชั่วโม)
ชง :
- ครูและนักเรียนร่วมกันท่องคำคล้องจอง การละเล่นจ้ำจี้ /บ้านทรายทอง / ยาหย่าย่า 
เชื่อม:
- ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับคำคล้องจอง
-นักเรียนและครูระดมความคิดเกี่ยวกับการละเล่นที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์  โดยครูตั้งคำถามกระตุ้นการคิด
“ ถ้าไม่มีอุปกรณ์ หรือของเล่นจะออกแบบการเล่นได้อย่างไร?
ครูแบ่งนักเรียนเป็น 5 กลุ่ม ให้ออกแบบการเล่นที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์กลุ่มละ 1 อย่างโดยไม่ซ้ำกัน
ใช้ :
 นักเรียนนำเสนอการเล่นที่ไม่ใช้อุปกรณ์ กลุ่มละ 1 อย่าง
-นักเรียนแตก Web การละเล่นพื้นบ้านที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์
วันพฤหัสบดี(1ชั่วโมง)
ชง :
ครูนำขวดยาคูล /ก้อนหิน และไม้ไผ่เป็นแผ่นขนาดกว้าง 2 นิ้ว ยาว 30 ซ.ม.มาให้นักเรียนดู  ครูใช้คำถามกระตุ้นการคิด “นักเรียนเห็นอะไร” “นักเรียนคิดว่าของ 2 อย่างนี้สามารถนำไปเล่นอะไรได้บ้าง?”
เชื่อม :
ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการละเล่นของเด็กภาคใต้  “ เล่นขว้างราว”
-ครูสาธิตวิธีการเล่นขว้างราว  ดังนี้
   1.ครูนำราวไม้ไผ่มาตั้งโดยมีหินรองปลายราวทั้ง2 ข้างให้สูงจากพื้นดินประมาณ 3 นิ้ว แล้วขีดเส้นเป็นเขตสำหรับยืนขว้างให้ห่างจากราวประมาณ 5 เมตร
2.นำขวดยาคูลไปวางบนราว
3.ให้นักเรียนขว้างทีละคนให้แผ่นไม้คว่ำถือว่าจบเกม แต่ถ้าขว้างถูกขวดล้มแต่ราวไม้ไผ่ไม่คว่ำ ผู้เล่นคนต่อไปก็มาขว้างต่อจนกว่าจะคว่ำ
 ใช้ :
-นักเรียนเล่นขว้างราว
วันศุกร์  ( 1  ชั่วโมง)                                                                         
เชื่อม:
- ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาทบทวนกิจกรรมที่ผ่านมาทั้งสัปดาห์  และสนทนาระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของการละเล่นทั้ง 4 ภาค
ใช้:
นักเรียนแตก Web เกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของการละเล่นทั้ง ภาค
ภาระงาน
-สนทนาเกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้านของภาคกลาง และภาคใต้
-เล่น “ขว้างราว”
 - เล่น “ ตีลูกล้อ ”
- เล่น “ ตี่จั้บ ”
นำเสนอการละเล่นที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ กลุ่มละ อย่าง
ชิ้นงาน
-นักเรียนแตก Webการละเล่นที่ไม่ใช้อุปกรณ์
นักเรียนแตก Webเกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของการละเล่นทั้ง ภาค

ความรู้ :
- นักเรียนสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ /มีลักษณะนิสัยที่ดีมีระเบียบวินัยในการจัดเก็บรักษา ดูแลของเล่นของใช้ ได้เหมาะสมตามวัย
ทักษะ :
** ทักษะชีวิต
- เลือกใช้เครื่องมือ เช่น ดินสอ สี กระดาษ ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานได้อย่างคุ้มค่า และเหมาะสม
สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันและดูแลตนเองได้
** ทักษะการคิด
 - คิดวิเคราะห์ / สังเคราะห์สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเดินสำรวจและการฟังนิทาน รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของตนเองได้
-  สามารถอธิบายให้เหตุผลเกี่ยวกับสิ่งที่ตนอยากเรียนรู้ได้
- คิดสร้างสรรค์ชิ้นงานเพื่อนำเสนอให้
ผู้อื่นเข้าใจได้
** ทักษะการอยู่ร่วมกัน
คิดวิเคราะห์ /สังเคราะห์และจัดการปัญหาในการทำงานกลุ่มและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
** ทักษะการสื่อสาร
อธิบายสิ่งที่ตนเอง/กลุ่ม เข้าใจและเรียนรู้ได้อย่างมีเหตุผลและน่าสนใจ
** ทักษะการสังเกต
สังเกตความเหมือนความแตกต่างสิ่งต่างๆ โดยรวมทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นเข้าใจได้
** ทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
สามารถค้นหาข้อมูลจากการสอบถาม ครูผู้ปกครองหรือผู้รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองสนใจ
** ทักษะการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น
คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์และจัดการปัญหาในการทำงานกลุ่ม
คุณลักษณะ :
-เคารพ สิทธิ หน้าที่ เห็นคุณค่าและเชื่อมโยงความคิดเห็นของตนเองและผู้อื่น
ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่
- มีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงาน
- กระตือรือร้นในการเรียนรู้
   - มีจิตอาสาในการทำกิจกรรมต่างๆ มีน้ำใจช่วยเหลือ แบ่งปัน 
   - ยินดีและพอใจในสิ่งที่ตนเองมี เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น